วันพุธ, พฤศจิกายน 19, 2551

Domino-@PickList

@PickList เอาไว้ทำอะไร แล้วใช้ไงครับ

ใช้สำหรับดึงวิวที่สร้างมาแสดงเพื่อให้เลือกได้ คล้าย ๆ กับ dialoguebox หรือ prompt ครับตัวอย่างการใช้ผมเอามาจาก help designer ตามนี้เลยครับ1. This formula displays the Products view of PROD.NSF in a dialog box. If the user selects a Staple remover and Stapler from the products view, the temporary variable choice gets assigned the following text list: Staple remover; Staplerchoice:=@PickList( [CUSTOM] ; "" ; "Products" ; "Select a product" ; "Please select the products you want to order" ; 1 );2. This formula achieves the same result as the one above, but uses @DbName to display the Products view of the current database.choice:=@PickList( [CUSTOM] ; @DbName ; "Products" ; "Select a product" ; "Please select the products you want to order" ; 1 );3. This formula also displays the Products view of the current database, but returns the contents of the second column in the view.choice:=@PickList( [CUSTOM] ; @DbName ; "Products" ; "Select a product" ; "Please select the products you want to order" ; 2 );

9notes.net

วันศุกร์, สิงหาคม 17, 2550

เด็กน้อย

เป็นเรื่องของเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งมีครอบครัวที่อบอุ่นซึ่ง
ในครอบครัวมีด้วยกันทั้งหมด 5 คน
วันนึงขณะที่เด็กน้อยนั่งกินข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะอาหาร
เด็กน้อยมองเห็นคุณพ่อดูข่าว TV เกี่ยวกับการเมือง
"พ่อ...การเมืองคืออะไรอ่ะ" เด็กน้อยถามพ่อ
ด้วยความสงสัยพ่อทำท่าทางคิดหนักก่อนจะตอบกลับไปว่า
"อืม...มันก็ไม่ยากหรอกลูกเปรียบเทียบง่ายๆนะลูก"
เปรียบ พ่อเป็น พ่อค้านายทุน ก้อคอยหาเงินไง
เปรียบ แม่เป็น รัฐบาล ก็คอยเอาเงินจากพ่อมาบริหารไง
เปรียบ ตัวลูกเองเป็น ประชาชน ที่ต้องมีรัฐบาลคอยดูแล
เปรียบ น้องชายของลูกเป็น อนาคตของชาติ
เปรียบ พี่แจ๋ว (พี่เลี้ยงของเด็กในบ้าน)gเป็นชนชั้นแรงงาน
เด็กน้อยทำหน้า งง
ก่อนจะปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่ในหัวตลอดทั้งวันจนเมือ
ถึงเวลาตกดึกของวันนั้น ขณะเด็กน้อยกำลังหลับ
"แงๆๆๆๆๆ" เสียงน้องชายตัวน้อยของเค้าร้องดังขึ้น
เด็กน้อยเดินไปดูที่เปลจึงได้รู้ว่าน้อยชายของเค้า ขี้แตก
เด็กน้อยรู้ทันทีว่าต้องไปตามแม่มาดูน้อง
ขณะเดินไปตามแม่เด็กน้อยได้ยินเสียงออกมาจากห้องของ
พี่แจ๋วพี่เลี้ยงคนสวย
ด้วยความสงสัยจึงแง้มประตูดูพบว่า พ่อเค้ากำลังอยู่บนตัวของ
พี่แจ๋ว เด็กน้อยจึงเดินไปที่ห้องของแม่พบว่าแม่ของเค้ากำลัง
นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่เด็กน้อยพยายามปลุกแต่ก็ไม่ยอมตื่น
เด็กน้อยท้อใจเดินกลับห้องนอนและหลับไปหลังจากคิดอะไร
ได้มากมาย ตื่นตอนเช้าขณะลงมาจากห้องเพื่อกินข้าวเช้า
เด็กน้อยเห็นพ่อของเค้า"พ่อๆ ผมรู้แล้วละว่าการเมืองเป็นยังไง"
เด็กน้อยยิ้มที่ตัวเองเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่เข้าใจ
"แล้วมันเป็นยังไงละไหนบอกพ่อสิลูก"พ่อถามด้วยความอยากรู้
"การเมืองก็คือ....การที่พ่อค้าหรือนายทุนกดขี่ชนชั้นแรงงาน!!
ในขณะที่รัฐบาลก็หลับหูหลับตาไม่สนใจประชาชนแม้ว่าประชาชนนะ
เรียกร้องยังไงก็ตาม!!โดยทิ้งอนาคตของชาติให้จมบนกองขี้!!”

------ขอบคุณ --pakamard leelatanapipat --นำขำมาโชว์----------

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 09, 2550

ทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงาน

ทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงาน
การทำงานมันก็ต้องมีบ้างที่รู้สึกเบื่อ เหนื่อยล้า และเกิดอาการเซ็งกับการงานที่ต้องทำซ้ำๆ ซากๆ อยู่ทุกวัน นอกจากงานที่น่าเบื่อ บางครั้งยังเจอเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และเจ้านายที่ไม่ได้เรื่อง งานนี้ความสนุกในการทำงานยิ่งหมดเราลองมาปรับความคิด ปรับพฤติกรรม เพื่อให้เราสนุกกับงานกันบ้างดีกว่าไหม แล้วเรื่องสนุกๆ กับการทำงานจะไม่หมดอย่างแน่นอน
ปล่อยวาง การที่เราเอาแต่เคร่งเครียดกับการ ทำงานไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ต้องรู้จักที่จะปล่อยวางการงานตรงหน้าลงบ้าง อาจจะไปเที่ยวดูหนัง ฟังเพลง ทานอาหารนอกบ้าน กับเพื่อน กับครอบครัว กับคนสนิท คนรู้ใจ ทางที่ดีก็ชักชวนกันไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัดในวันหยุดบ้างก็ได้

อย่าให้ตนเองเป็นหลักคนอื่น การที่เราเอาตัวเองไปเป็นหลักให้คนอื่นต้องคอยยึดนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเสมอไปหรอกนะ ยิ่งเราเป็นหลักให้คนอื่นมากเท่าไร เราก็ยิ่งต้องแบกรับภาระหนักมากขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีที่สุด ลองปล่อยให้คนอื่นเขาทำอะไรด้วยตัวเขาเองบ้าง ยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือก็ค่อยยืนมือเข้าไปช่วยในบางส่วน แต่อย่าไปรับมาทำเองทั้งหมดล่ะ ไม่งั้น เราเองนั่นเแหละที่จะน็อตหลุดไปซะก่อน

สร้างสรรค์จินตนาการ ยามที่เราต้องเจอเรื่องเครียด หรือต้องทำงานจนเกิดอาการเครียดขึ้นมา ให้หยุดงานตรงหน้าเอาไว้สักพักแล้วเดินออกไปสูดอากาศ มองฟ้า มองเดือน มองดาว มองอะไรต่อมิอะไรที่มีมากมายให้มอง หรือจะเปิดเพลงฟัง อ่านนิยายสักเรื่อง เพื่อสร้างจินตนาการ หรือมีเวลามากพอก็วาดภาพสักรูป จะจัดห้องใหม่ จัดบ้านใหม่ หรือจัดสวนก็ได้ ลองทำอะไรที่หนีห่างจากงานที่เครียด เพื่อสร้างจินตนาการบ้าง บางทีก็สร้างจินตนาการของเราก็จะช่วยให้เกิดความคิดดีๆ ในงานที่ทำก็ได้นะ
นินทาบ้างไม่ใช่เรื่องเสียหาย การนินทานั้นบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนัก เชื่อเถอะว่าทุกที่ย่อมมีการนินทากาเลกันทั้งนั้น เนื่องจากการนินทาเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการได้ระบายความไม่พอใจ ความอึดอัดคับอกคับใจในเรื่องต่างๆ ทำให้ได้รู้สึกสบายใจมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะได้เพื่อนร่วมงานที่มีแนวความคิดคล้ายๆ กัน และเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้สึกซึ่งกันและกัน อย่างน้อยๆ ในบางเรื่องเราก็จะได้ไม่รู้สึกว่าเราแย่หรือเราทำผิดอยู่คนเด ียว
มีอารมณ์ขันเป็นประจำ เรื่องขำๆ เกิดขึ้นได้เสมอหากเราทำจิตใจให้เบิกบาน แจ่มใส การที่เรามีอารมณ์ขัน มีอารมณ์ดีตลอดเวลานั้นจะไม่ทำให้ชีวิตของเราหดหู่จนเกินไป ช่วยทำให้สุขภาพเราดีด้วย บุคลิกของเราก็ดูดี ไม่น่ากลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อย่างแน่นอน สุดท้ายยังส่งผลให้สมอง จิตใจของเราปลอดโปร่งโล่งสบาย และเริ่มที่จะมองโลกในแง่ดีมากขึ้น ยามเคร่งเครียดก็หาหนังสนุกๆ หรือตลกมาดูแก้เครียดกันเถอะ


การที่เราจะทำงานให้สนุกนั้น เราต้องรู้จักมองโลกในแง่ดี ยามเบื่อก็ลองท่องเอาไว้
โลกนี้หนอช่างโสภา ท้องฟ้าสดใสแสนโสภี เรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ยากเกินไปใช่ไหม
ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงานกันดีกว่า

---------------------------ขอบคุณ the gig ที่อำนวยแรงใจตลอดมา------------------------

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 02, 2550

มารยาหญิง

มายาหญิง
ผู้หญิงกับผู้ชายขับรถมาชนกันอย่างจัง
โชคดีที่ทั้งสอง ไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างคลานออกมาจากซากรถ
ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่า
หญิงสาวคู่กรณีหน้าตาดีทีเดียว

เธอหันมาบอกเขาว่า
"ไม่น่าเชื่อเลย
ว่าเราสองคนจะรอดมาได้
อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสของเราก็ได้"

เธอเจื้อยแจ้วต่อไปว่า
"รถของฉัน
พังยับทั้งคัน
แต่ไวน์ขวดนี้
ไม่บุบสลาย
แสดงว่า
เราเกิดมาเพื่อคู่กันแน่ ๆ เลย
งั้นเรามาดื่มฉลอง
ความรักของเราในอนาคตกันเถอะ"

"ยินดีครับ"
ขายหนุ่มตอบรับด้วยหัวใจพองโต
แล้วดื่มไวน์ไปครึ่งขวด
ก่อนจะส่งคืนให้หญิงสาว

"ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าจะ
นั่งรอตำรวจเงียบ ๆ ดีกว่า"

----------------------------------------------------------
ขอบคุณ น้องแนนซี่ (parichat chuenban) มากครับที่ให้ข้อมูล
------------------------------------------------------------

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 12, 2550

ขำขำ1

ชายหนุ่ม : บ้านคุณอยู่ไกล ซอยเปลี่ยว อันตราย ให้ผมไปส่งดีกว่า
หญิงสาว : ซอยมันแคบกลับรถลำบากนะค่ะ
ชายหนุ่ม : ไม่เป็นไรครับ ผมถอยหลังผ่านตลอดออกได้
เมื่อแต่งงานกันผ่านไป 5 ปี.... อะไรอย่างนี้ก็เกิดขึ้น
ภรรยา : พี่ ๆ กลับเถอะดึกมากแล้ว
สามี : จะคุยกับเพื่อน กลับไปก่อนซิ
ภรรยา : ซอยมันเปลี่ยว อันตรายน่ะพี่
สามี : กลับประจำ ไม่มีอะไรหรอก
ภรรยา : ชั้นกลัวถูกข่มขืน
สามี : ไม่หรอกน่า ... เดี๊ยวนี้ โจรมันฉลาด... มันรู้จักเลือก

"วิธีประหยัด"
เรื่องของคุณลุงคนนึง แกทำงานอยู่ กทม. ใกล้จะเกษียณแล้วล่ะ
วันหนึ่งก็มารอรถเมล์จะกลับบ้าน รออยู่คันแล้วคันเล่ารถก็ดูเต็มทุกคัน
แกรออยู่ตั้งนาน เวลาก็ค่ำลงๆ ก็มีอยู่คันหนึ่ง ทำท่าว่าจะจอดรับ แต่ก็ไม่จอด
แต่ลุงแกนึกว่าจะจอดก็ค่อยๆ วิ่งไล่ตามแกวิ่งไล่ตามไปเรื่อยๆ
เผลอไปสักพักใหญ่
....เฮ้ย .....ถึงบ้านแล้วนี่หว่า แกดีใจ
เออดี .....ไม่ต้องเสียค่ารถเมล์สามบาท แกดีใจ ใหญ่เลย กลับไปเล่าให้เมียฟัง
ลุง : นี่เธอจ๋า .. วันนี้พี่วิ่งไล่ตามรถเมล์มานะ ถึงบ้านพอดี ตังค์ก็ไม่ต้องเสียตั้งสามบาทล่ะ
เมีย : (พอได้ยินแทนที่จะดีใจไปด้วยกลับด่าส่ง)...ไอ้แก่จะตายแล้วยังจะโง่อีก
ลุง : อ้าวมาด่าชั้นทำไมล่ะ
เมีย : นี่ถ้าแกวิ่งตามแท็กซี่ แกรู้มั้ย ประหยัดได้อีกตั้งเท่าไหร่

"ประสบการณ์เฉียดตาย"
หญิงวัยกลางคนเกิดอาการหัวใจวายและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ระหว่างที่อยู่บนเตียงผ่าตัด เธอพบกับประสบการณ์เฉียดตาย
ซึ่งในระหว่างนี้เธอเห็นพระเจ้าและถามพระองค์ว่าวาระสุดท้ายของเธอมาถึงแล้วใช่ไหม
พระเจ้าตอบว่ายัง เธอต้องอยู่ต่อไปอีกสามสิบปี
หลังจากฟื้นคืนสติ เธอตัดสินใจอยู่ต่อที่โรงพยาบาลต่อเพื่อผ่าตัดดึงหน้า ทำปากให้อิ่มเอิบ
เสริมหน้าอกและอื่นๆอีกสารพัด เธอยังให้ช่างเข้ามาเปลี่ยนสีผมให้อีกด้วย
เธอทำเช่นนี้เพราะเห็นว่าในเมื่อจะต้องมีชีวิตอยู่อีก 30 ปี
ต้องใช้เวลาทั้งหมดนี้อย่างมีความสุขที่สุด
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเสริมสวย เธอเดินออกจากโรงพยาบาล
แต่โชคร้ายกลับถูกรถพยาบาลชนตาย เมื่อมาพบหน้าพระเจ้าอีกครั้ง เธอบ่นว่า
“ฉันได้ยินว่าพระองค์บอกเองว่าฉันต้องมีชีวิตอยู่อีก 30 ปี”
พระเจ้าตอบว่า “โทษที เราจำเจ้าไม่ได้!”

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 05, 2550

ใส่แว่นกันแดดตอนฝนตก มองเห็นชัด 90%

บนถนนสายเอเชีย ประมาณตี 1 - ตี 3 คืนวันที่ 15 เข้าเช้ามืด 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ‎เป็นรถคันที่ผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
เป็นประสบการณ์ตรงล่าสุดที่อยากจะมาถ่ายทอดเป็นเชิงวิชาการแบบง่ายๆ ครับ

ขากลับจากพะเยา (ผมไปงานศพคุณแม่ของวิศวกรที่บริษัทครับ ) ผมโชคดีได้
พี่คนหนึ่งที่สนิทกันช่วยขับรถกลับให้
เพราะต้องกลับกรุงเทพเหมือนกัน
ผมนั่งคุยกับแกมาตลอดทาง จนฝนตกหนัก
แกถามว่าในรถมีแว่นกันแดดไหมจึงหยิบให้เขา
เขาให้ผมลองใส่ดูปรากฏว่าเห็นทางชัดเจนมาก ทัศนะวิสัยดีมาก ‎
ถึงจะไม่เทียบเท่ากับตอนฝนไม่ตก แต่ก็เกือบ 90%%
แล้วผมก็รีบเอาแว่นให้พี่เขาความรู้โดยบังเอิญตรงนี้พี่เขาก็เล่าสถานการณ์ให้ฟัง
ผมก็ฟังไปด้วย คิดถึงเหตุผล ไปด้วยจนค่อนข้างแน่ใจว่า
โดยคุณสมบัติของแว่นกันแดดแล้วจะทำหน้าที่กรองที่เกินความจำเป็นในการมองเห็น
และทำอันตรายของดวงตาออกไป
ยิ่งมีคุณสมบัติดียิ่งมีการเคลือบหรือเทคนิคในการผลิตดีตามและราคาสูง
ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องนี้ไม่ควรประหยัด

เมื่อเม็ดฝนที่ตกหนักตามแรงโน้มถ่วงของโลก จากที่สูงขนาดของเม็ดฝนซึ่งมีขนาด
ต่างๆ ตกกระทบฝากระโปรงหน้าด้วยแรงกระแทกมหาศาลทำให้เม็ดฝนแตกกระจายอย่างละเอียด
รวมทั้งบนหน้ากระจกรถของเราด้วย
ในตอนกลางคืนหรือกลางวันก็ตาม
จะมีแสงจากธรรมชาติอยู่แล้ว หรืออาจจะมาจากที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็น
แสงสว่างต่างๆเม็ดฝนมีการสะท้อนแสง
หรือบางขณะก็รวมตัวกันมากๆ แบบไม่เป็นระเบียบ
จึงทำให้ภาพที่เรามองไปข้างหน้าบนถนน มี"ตัวกลาง " มากั้น
ซึ่งก็คือม่านน้ำฝน และละอองฝน ซึ่งตัวมันเองก็มีค่าดัชนีหักเหอยู่แล้ว
เมื่อบวกกับการสะท้อนแสง ของละอองฝน ทำให้ทัศนวิสัยจึงแย่มาก
แว่นกันแดดจึงกรองแสงจ้าที่เกิดการสะท้อนจากละอองฝนและสายฝนที่อาบอยู่
บนกระจกหน้ารถ ชนิดที่เรียกว่า ที่ปัดน้ำฝน speedแรงสุดก็เอาไม่อยู่ ออกไป
จึงทำให้ทัศนวิสัยในขณะขับรถตอนกลางคืน ฝนตกหนักเยี่ยมมาก
ดังนั้นจึงสามารถใช้ความเร็วได้ในระดับหนึ่ง และปลอดภัยมาก
ผมยังเชื่อว่า ถ้าเป็นตอนกลางวัน และฝนตกหนัก
ก็น่าจะใช้ได้เหมือนกัน ถึงจะยังไม่ได้ทดลอง
แต่คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ผมหวังว่าความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ตรงครั้งนี้
คงเป็นประโยชน์กับหนอนทุกคน
ถ้าใครได้ทดลองใช้ก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

สุดท้ายนี้ภาพที่คมชัดขึ้นกับคุณภาพแว่นกันแดดด้วย ‎
------------------------------------------------------
ขอบคุณ คุณ ปรีดา ลิ้มนนทกุล มากครับที่ให้ปนะสบการณ์
ที่เป็นประโยชน์นี้ ครับ....
-----------------------------------------------------

วันศุกร์, มิถุนายน 29, 2550

ความสุขของพระมหากษัตริย์

ความสุขของพระมหากษัตริย์

หนึ่งปีที่ผ่านมา......
เราใส่เสื้อเหลือง
เราใส่สายรัดข้อมือสีเหลือง
คนนับแสนไปนั่งรอเป็นชั่วโมงๆ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อจะได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงไม่กี่นาที
วันนั้น ในขณะที่ทั้งโลกเริ่มเสื่อมศรัทธาในระบบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราได้แสดงให้โลกได้เห็นว่ามีประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งที่คนทั้งชาติยังซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี และพระมหากษัตริย์อันทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย

.....สิบสองปีที่ผ่านมา......
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนักด้วยโรคหัวใจเพราะทรงงานหนักเกินไป
ในขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชชนนีก็ทรงพระประชวรหนักอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราชเช่นกัน
เรายังจำรูปในหนังสือพิมพ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพระราชชนนีไม่กี่วันหลังจากการผ่าตัดใหญ่ถวาย พระหัตถ์ข้างหนึ่งกุมอยู่ที่พระอุระ และในพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งทรงถือม้วนแผนที่กรุงเทพฯ เพราะน้ำกำลังท่วมกรุงอยู่
ยังจำกันได้ไหม ?

..... 34 ปีที่ผ่านมา.....
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เป็นครั้งแรกในรัชกาลที่เกิดวิกฤติด้านการเมืองรุนแรงที่สุด
วันนั้น นิสิตนักศึกษาและประชาชนนับหมื่นนับแสนเดินขบวนประท้วงรัฐบาล เหตุการณ์ร้ายแรงยิ่งขึ้น ตำรวจทหารยิงประชาชน ในขณะที่นิสิตนักศึกษาก็เผาสถานที่ราชการ เกิดกลียุคทุกหย่อมหญ้า คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง
คืนนั้น สถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสดจากพระราชวังสวนจิตรลดา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกันคนไทยทุกคนว่า “ คนไทยจะฆ่าคนไทยด้วยกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องสงบโดยฉับพลัน ”
และทุกอย่างก็สงบโดยฉับพลัน
หลังจากนั้นไม่นาน มีฝรั่งคนหนึ่งมาถามผมว่า “ เป็นไปได้อย่างไร ที่คนๆ เดียวจะมีอำนาจเหนือคนทั้งประเทศได้อย่างนั้น ?”
ผมไม่ได้ตอบ แต่ตอนนั้นใจผมคิดถึงประโยคที่ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมชฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC ว่า พระองค์ทรงเป็น "SOUL OF THE NATION" หรือ “ จิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ ”
ยังจำกันได้ ไหม ?

แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ?
เราสร้างค่านิยมผิดๆ ว่าคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มีเงินมากที่สุด
เราโกงทุกครั้งที่มีโอกาส
เราเรียกร้องประชาธิปไตยโดยคิดถึงแต่ “ สิทธิ ” แต่ลืมคำว่า “ หน้าที่ ”
เรากำลังฆ่ากันเองทุกวันในภาคใต้
เราสร้าง “ กฎหมู่ ” ให้เหนือ “ กฎหมาย ”
เราเดินขบวนประท้วงในทุกอย่างที่เราไม่เห็นด้วย
เราก้าวร้าวต่อกัน เราแตกแยกกัน
และทั้งโลกกำลังจับตามองเราอยู่

เราเคยหยุดคิดกันบ้างไหมว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
จะทรงเสียพระทัยเพียงใด ?
80 ชันษาของพระองค์ท่าน หากเปรียบกับคนธรรมดาก็สมควรที่จะได้พักเต็มที่ ได้รับการดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่สมควรที่จะตรากตรำทำงานหนัก หรือกระทบกระเทือนใจแต่อย่างใด
แต่กลับเป็นว่า ในปีที่ครบ 80 ชันษาของพระองค์ท่านยังต้องทรงงานอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ทรงต้องอยู่ภายใต้การถวายการดูแลของคณะแพทย์

พระองค์ต้องรับทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ
ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แห่ล้อมด้วยข้าราชบริพาร
หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ เมื่อประชาชนของพระองค์ท่านรักสามัคคีกัน รู้จักความพอเพียง และมีสติ- เพียงเท่านี้เอง

แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ?
หรือนี่คือการแสดงความกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ของเรา ?
----------------------------------------------------------
ขอบคุณ คนไทยที่รักชาติ ทุกคนครับ.......
--------------------------------------------------------

วันอังคาร, มิถุนายน 26, 2550

มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ

..มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ..

“มนุษย์เงินเดือน” อาชีพนี้ดีอย่างไร? ..

• ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน
• ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง
• มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
• มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว
• ไม่มีล้มละลาย
• ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ
• เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที
• มีวันหยุดเยอะ
จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้

ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง
• ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้
• ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
• ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา
• ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”
• ต้องมีจรรยาบรรณ
• ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป

มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ควรจะปรับตัวอย่างไร?
• เปิดการทักทายกับทุกคน
• จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้
• เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
• อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
• ฟังและถามให้มากกว่าพูด
• เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก
• เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
• อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ

เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก
• คิดเข้าข้างตัวเอง
• คบเพื่อนคิดบวก
• คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า
• คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม
สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่ง ที่ไร้ค่าในขณะที่…คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน

เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ
* ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก
* ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ
* ทำมาก…มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก
* ทำมาก...สบายในภายหลัง

เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ
1. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต

คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน

เทคนิคการพัฒนา “ลูกน้อง” ให้เป็น “หัวหน้า”
• ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ
• ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)
• ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
• พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม

เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า
• ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก
• คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
• อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา
• จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย

การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน สายอาชีพลูกจ้าง
• มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน
• คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
• ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน
• ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง
• คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน

ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใดการขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น

ลด ละ เลิก ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง”

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยาก
2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)

ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร

• สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน
• จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
• มีเงินพอหรือไม่

การวางแผนการเก็บเงิน

**** เทคนิคง่ายๆ คือ “หลัก 3 บัญชี” โดยให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้ ****

บัญชีที่ 1 คือบัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
บัญชีที่ 2 คือบัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
บัญชีที่ 3 คือบัญชีเงินออมเพื่อออกจากงานหรือออมเพื่ออนาคต

ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง

จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน

• จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร
• จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
• จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้
• จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
• จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
• จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
• อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
• อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
• อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น

เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข

• การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก
• เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
• อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก
• อย่าระบายอารมณ์ลงที่งานและคนอื่น

แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง

รายการอาหารประจำวัน

เช้า : กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
กลางวัน : ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
เย็น : ข้าวไข่เจียวหมูสับ =



ขอบคุณพี่ Mr. Akkaluck thammasan(MEW) /[M/W] ที่ให้ข้อมูลขำขำ

แก้แค้นผี

คล็ดลับเด็ดสำหรับแก้แค้นผี ที่คอยตามหลอกหลอนคุณ

- อย่านอนเตียงที่มีใต้เตียงโล่งถ้ากลัวมากๆก็ให้ไปนอนใต้เตียงแทน ปล่อยผีนอนบนเตียงไป
- ถ้ากลัวผีช่องแอร์ให้เปิดหน้าต่างนอน ให้กระสือมาหลอกแทน
- ถ้ากลัวไฟปิดเปิดเองได้ ให้ถอดหลอดไฟออกทุกดวง เช่นเดียวกับก๊อกน้ำเปิดเองก็ให้เปิดมันทิ้งไว้
- ถ้าอยู่ดีๆได้กลิ่นธูป ให้คว้าการบูนมาดม
- ถ้าอยู่ดีๆได้ยินเสียงเพลงไทย ให้เอา ipod มาเปิด hip hop ฟัง
- ถ้าอยู่ดีๆได้ยินเสียงเด็กหรือผู้หญิงร้องไห้ ให้ลุกขึ้นมาปลอบใจผี
- ถ้าเพื่อนโดนผีเข้า ให้เมินมันแล้วไปนอน พอไม่มีใครสนใจผีก็จะเซ็งออกไปเอง
- ถ้ามีเงาอะไรผ่านหน้าต่างไป ให้ไปยืนแถวๆหน้าต่าง ทำเงาผ่านย้อนไปบ้าง
- ถ้ากลัวจะมีใครมายืนอยู่ปลายเตียง ก็ให้นอนเอาหัวมาไว้ปลายเตียง(ดูซิจะไปยืนไหน)
- ถ้าผีมาขอส่วนบุญให้ถามว่าสามารถโอนเข้าบัญชีได้ที่วัดไหน สาขาอะไร รับบัตรเครดิตหรือเปล่า?
- ถ้าผีจะมาให้หวย ให้บอกไปว่า รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ?โอกาสหน้ามาใหม่นะคะ
- ถ้าผีจะตามกลับไปอยู่ที่บ้านบอกให้ผีไปทำเรื่องย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในฐานะผู้อยู่อาศัยให้ถูกต้องตามกฏหมายเสียก่อน
- ถ้าไปแถวพัทยา อย่าลืมเอา Dict ไปด้วย เพราะอาจเจอผีฝรั่ง
- ถ้าเปิดทีวีแล้วเจอภาพบ่อน้ำ ให้เอาทีวีไปวางบนขอบระเบียง (ในกรณีที่เป็นชั้น3 ขึ้นไป) ผีที่คลานออกมาจากทีวีจะตกระเบียงตายเอง
- ถ้าอยู่ดีๆน้ำฝักบัวที่อาบกลายเป็นเลือด ให้เอาถุงมารองแล้วนำเลือดไปขายตามโรงพยาบาล
- ถ้าอยู่ดีๆภาพหน้าตัวเองในกระจกเป็นหน้าผีอย่าตกใจ ให้รีบหาสีเมจิกมา 1แท่ง แล้วเติมหนวดลงไปในกระจก
- ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับผีในตู้เสื้อผ้า เขียนป้ายแปะไว้ว่า "ที่หมานอน"
- กลัวผีนั่งทับตัวกลางดึก ให้นอนคว่ำหน้า (ถ้าคิดว่าจะหายใจไม่ออกให้ใส่ถังสกูบ้านอน) หลังจากนี้ต่อให้ผีมานั่งทับก็จะไม่อึดอัด แถมยังสบายตัวคล้ายนวดกดจุด
- ถ้ากลัวผีในลิฟท์ ให้ยกของหนักๆไปด้วยผีจะตามมาด้วยไม่ได้เพราะน้ำหนักจะเกิน
- ถ้าถ่ายรูปแล้วติดผีให้นำหน้าผีไปตัดต่อกับภาพโป๊ ผีจะอายไม่กล้ามาหลอกอีก
- ถ้าคุณเริ่มเอะใจว่าผู้หญิงที่โบกรถมากับคุณจะเป็นผีหรือเปล่าให้เรียกเก็บค่าโดยสารก่อนที่เธอจะหายไป
- ถ้าคุณเห็นภาพผู้หญิงอยู่บนกระจกรถ แวะเข้าปั๊ม แล้วเรียกเด็กมาเช็ดกระจก
- ถ้าอยู่ดีๆคุณเห็นคนนั่งมาตรงเบาะหลังบนกระจกมองหลัง ถามไปว่า "สรุปไปพัฒพงษ์"ใช่ไหมครับ?
- ถ้าคุณพบผีเปรตในวันฝนฟ้าคะนอง ให้ก้มตัวต่ำฟ้าจะผ่าโดนผีก่อน
- ถ้าคุณทำตามนี้ได้หมดผีจะไม่มาหลอกคุณเลยเพราะเชื่อได้เลยว่าคุณบ้ากว่าผีอีก!!!

วันเสาร์, มิถุนายน 09, 2550

แม่ไม่คิดเงิน

แม่...ไม่คิดเงิน

เด็กชายตัวน้อย...เข้าไปหาแม่แล้วส่งกระดาษให้
หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเธอก็ก้มลงอ่าน
ค่าตัดหญ้า 5 บาท
ค่าทำความสะอาดห้องผมอาทิตย์นี้ 1 บาท
ค่าซื้อของให้แม่ 2.50 บาท
ค่าูดูแลน้องชาย 2.5 บาท
ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1 บาท
ค่าได้คะแนแดี 5 บาท
และ ค่ากวาดสนาม 2 บาท
รวมค้างชำระ 19 บาท
......................................
แม่หยิบปากกาขึ้นมา ..แล้วพลิกไปด้านหลังกระดาษ
แล้วเขียน..
เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง .... ไม่คิดเงิน
เวลาแม่พยาบาลลูก และสวดมนต์ให้ลูก..ไม่คิดเงิน
ค่าที่ลูกทำให้แม่เสียน้ำตา ...ไม่คิดเงิน
ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า พาเที่ยว ...ไม่คิดเงิน
แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้ ..แม่ไม่คิดเงินหรอกจ๊ะ...
เมื่อรวมทั้งหมด...เป็นราคาเต็มของความรัก..
"แม่ก็ไม่คิดเงินเหมือนกันจ๊ะ"
.........................................
เมื่อลูกชายของเราอ่านสิ่งที่แม่เขียน..น้ำตาหยดโตก็ไหลออกมา
เขาสบตาแม่ และพูดว่า - ผมรักแม่จริง ๆ นะครับ
แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนหนังสือตัวโตว่า...จ่ายหมดแล้ว
แม่จ่ายหมดแล้ว...แต่ลูกทอนให้ยังไม่หมด....
แล้วเขาก็โผเข้าไปซบที่อกแม่.......

----ขอขอบคุณ คุณลูก ๆ ทุกคนครับ ที่รักแม่มากกว่าแฟน--------

ผู้ติดตาม